วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556



ชั่วโมงที่ 5

ระดับการเรียนรู้ของ Bloom
1.       ความรู้ที่เกิดจากการจำ ( Knowledge )ซึ่งเป็นระดับล่างสุด
2.       ความเข้าใจ( Comprehend )
3.       การประยุกต์ ( Application )
4.       วิเคราะห์ ( Analysis ) สามารถแก้ปัญหา
5.       การสังเคราะห์ ( Synthesis )
6.        การประเมินค่า ( Evaluation ) วัดได้

การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Mayer
                การออกแบบสื่อการเรียนการสอน การวิเคราะห์ความจำเป็นสิ่งสำคัญและตามด้วยจุดประสงค์ของการเรียนโดยแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ 3 ส่วนด้วยกัน
1.       พฤติกรรมควรชี้ชัดและวังเกตได้
2.       เงื่อนไข พฤติกรรมสำเร็จได้ ควรมีเงื่อนไขการช่วยเหลือ

การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Bruner
1.       ความรู้ถูกสร้างหรือหล่อหลอมด้วยประสบการณ์
2.       ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบในการเรียน
3.       ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความหมายขึ้นมาจากแง่มุมต่างๆ
4.       ผู้เรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง
5.       ผู้เรียนเลือกเนื้อหาและกิจกรรมเอง
6.       เนื้อหาควรถูกสร้างในภาพรวม

การเรียนรู้ตามทฤษฎีขิง Tylor
1.       ความต่อเนื่อง ( Continuity ) หมายถึง ในวิชาทักษะต้องเปิดโอกาสให้มีการฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบการณ์บ่อยๆและต่อเนื่อง
2.       การจัดช่วงลำดับ ( Sequence ) หมายถึงการจัดสิ่งที่มีความง่ายไปสู่สิ่งที่มีความยาก
3.       บูรณาการ ( Integration ) หมายถึง การจัดประสบการณ์ควรเป็นในลักษณะที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เพิ่มพูนความคิดเห็นและแสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน

การเรียนรู้ตามทฤษฎีของ Gagne
1.       การจูงใจ ( Motivation Phase )
2.       การรับรู้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ( Apprehending Phase )
3.       การปรุงแต่งสิ่งที่รับรู้ไว้เป็นความจำ ( Acquisition Phase )
4.       ความสามารถในการจำ ( Retention Phase )
5.       ความสามารถในการระลึกถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว ( Recall Phase )
6.       การนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้ว ( Generalization Phase )
7.       การแสดงออกพฤติกรรมที่เรียนรู้ ( Performance Phase )
8.       การแสดงผลการเรียนรู้กลับไปยังผู้เรียน ( Feedback Phase )

Stimulus                    Sensation                  Perception
    สิ่งเร้า                           ประสาทสัมผัส                             การรับรู้

Learning                     Response                  Concept
เกิดการเรียนรู้                      การตอบสนอง                        การคิดรวบยอด

การเรียนรู้เริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งเร้ามากระตุ้นบุคคล ระบบประสาทจะตื่นตัวเกิดการรับสัมผัสทั้ง 5  แล้วส่งกระแสประสาทไปยังสมองเพื่อแปลความหมายโดยอาศัยประสบการณ์เดิมเป็นการรับรู้ใหม่ อาจสอดคล้องหรือแตกต่างไปจากประสบการณ์เดิม แล้วสรุปผลของการรับรู้นั้น เป็นความเข้าใจหรือความคิดรวบยอดและมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสิ่งเร้าตามที่รับรู้ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแสดงว่าเกิดการเรียนรู้

การรับรู้ ( Perception )
การรับรู้ เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่สำคัญของบุคคล เพราะการตอบสนองพฤติกรรมใดๆ จะขึ้นอยู่กับการรับรู้จากสภาพแวดล้อมของตน และความสามารถในการแปลความหมายของสภาพนั้นๆ ดังนั้นการเรียนรู้ที่มีปริทธิภาพจึงขึ้นอยู่กับการรับรู้ และสิ่งเร้าที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจัยการรับรู้ประกอบด้วย ประสารทสัมผัส และปัจจัยทางจิต ได้แก่ ความรู้เดิม ความต้องการ และเจตคติ เป็นต้น
หลักการรับรู้ในทางการศึกษาที่สำคัญ
1.       การรับรู้จะพัฒนาตามวัย และความสามารถทางสติปัญญาที่จะรับรู้สิ่งภายนอกอย่างถูกต้องและเหมาะสม
2.       การรับรู้โดยการเห็น จะก่อให้เกิดความเข้าใจดีกว่าการได้ยิน และประสาทสัมผัสอื่นๆ ดังนั้นการเรียนรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสมาก ก่อให้เกิดความเข้าใจที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
3.       ลักษณะและวิธีการรับรู้ของแต่ละคน จะแตกต่างกันตามพื้นฐานของบุคลิกภาพ และจะแสดงออกตามที่ได้รับรู้และเจตคติของเขา
4.       การเข้าใจผู้เรียนทั้งในด้าน

การถ่ายโยงการเรียนรู้ ( Transfer of Learning )
1.       ธอร์นไดค์ ( Thorndike ) กล่าวถึง การถ่ายโยงการเรียนรู้จากสถานการณ์หนึ่งไปสู่อีกสถานการณ์หนึ่งว่า สถานการณ์ทั้งสองจะต้องมีองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกัน คือ
2.       เกสตัลท์  ( Gestalt ) กล่าวว่า การถ่ายโยงการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนได้มองเห็นรูปร่างทั้งหมดของปัญหา และรับรู้ความสัมพันธ์นั้นเข้าไป กล่าวคือ สถานการณ์ใหม่จะต้องสัมพันธ์กับสถานการณ์เดิม

หลักการและแนวคิดที่สำคัญของการถ่ายโยงการเรียนรู้
1.       การถ่ายโยงการเรียนรู้ ควรจะต้องปลูกฝังความรู้ ความคิด เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นพื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
2.       ผู้สอนควรใช้วิธีการแก้ปัญหา หรือวิธีการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีโอกาสคิดและเกิดทักษะอย่างกว้างขวางซึ่งจะเป็นวิธีการที่ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ของความรู้
3.       การถ่ายโยงจะเกี่ยวข้องกับ ความแตกต่างระหว่างบุคคล กิจกรรมการเรียนการสอน จึงต้องคำนึงหลักการดังกล่าว
4.       การถ่ายโยงที่อาศัยสถานการณ์

การสื่อความหมาย ( Communication )
การสื่อความหมายเป็นพฤติกรรมสำคัญที่สัตว์สังคมทุกชนิดใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อซึ่งกันและกัน  แสดงถึงความเป็นหมู่เหล่าเผ่าพันธุ์เดียวกัน การสื่อความหมายมีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า Communis หรือ Communication
                การสื่อความหมายจึงเป็นกระบวนการส่งหรือถ่ายทอดความรู้เนื้อหาสาระ ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ค่านิยม ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์จากบุคคลฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ผู้ส่ง ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ผู้รับ
                การสื่อความหมาย เป็นการส่งข่าวสารความคิดเห็นระหว่างบุคคล อาจส่งผ่านทางเสียง ทำให้เกิดการได้ยินจากอวัยวะการรับเสียง เช่น เสียงพูด เสียงสัตว์ร้อง เสียงลมพายุ หรือสิ่งที่ส่งออกมาเป็นภาพ เห็นด้วยตาเปล่า การเขียนเป็นหนังสือ รูปภาพ สัญญาณต่างๆ เช่น สัญญาณไฟ ท่าทางต่างๆ

โครงสร้างและกระบวนการสื่อความหมาย
                กระบวนการสื่อความหมายจะเกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ต้องประกอบด้วยโครงสร้างและองค์ประกอบดังนนี้
1.       ผู้ส่ง  ( Source or Sender )คือแหล่งกำเนิดสาร หรือ บุคคลที่มีเจตนาจะส่งสารไปยังผู้รับ อาจเป็นคน สัตว์ องค์การ หรือหน่วยงาน
2.       สาร ( Message ) คือ เนื้อหา สาระ ความรู้สึก ทัศนคติ ทักษะ ประสบการณ์ ที่มีอยู่ในตัวผู้ส่ง หรือแหล่งกำเนิด
3.       ช่องทาง ( Channel ) คือ ช่องทางต่างๆ ที่ใช้ในการรับรู้สาร ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยอาศัยสื่อต่างๆ เป็นพาหนะ เช่น รูป เสียง ความรู้สึกสัมผัส กลิ่น รส เป็นต้น
4.       ผู้รับ ( Receiver ) คือ บุคคล องค์การ หรือหน่วยงานที่รับรู้สารจากผู้ส่งสาร เข้าสู่ตนเองโดยผ่านช่องทางและสื่อต่างๆในข้อ 3

พจนานุกรมการศึกษาของคาร์เตอร์ วี กูด ( Carter V. Good ) ได้ให้ความหมายของการสื่อความหมายไว้ 3 ความหมาย
1.       วิธีส่งความคิดเห็นความรู้สึกจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง โดยการแสดงท่าทาง สีหน้า การพูด การเขียน ใช้โทรศัพท์ โทรเลข วิทยุ โทรทัศน์และสัญญาณอื่นๆ
2.       การใช้เครื่องมือและกระบวนการ เทคนิคการพูด…..
3.       ….

การสื่อความหมายกับการเรียนการสอน
                การเรียนการสอนนั้นก็เป็นการสื่อความหมายอย่างหนึ่ง เพราะมีผู้ส่งความรู้ คือ ครู มีข่าวสารหรือเนื้อหา
จุดมุ่งหมายสำคัญของกระบวนการสื่อความหมาย
                จุดมุ่งหมายสำคัญในการเรียนการสอนก็คือ การพยายามสร้างความเข้าใจ ทักษะ

ปัญหาสำคัญในการถ่ายทอดความรู้
                จะทำอย่างไรจึงจะสามารถสร้างความเข้าใจร่วมกัน ระหว่างครูกับนักเรียนได้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทำอย่างไรนักเรียนจึงเกิดการเรียนรู้ตามที่ครูได้ตั้งจุดมุ่งหมายไว้ ครูจำเป็นต้องรู้จักการตระเตรียมและเลือกสรรในการสร้างกิจกรรมและประสบการณ์ต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการนำนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมาย หรือมีการเลือกสรรประสบการณ์ของนักเรียน เพื่อนำมาเป็นพื้นฐานในการนำนักเรียนไปสู้จุดมุ่งหมายปลายทางร่วมกันในที่สุด ครูจะต้แองรู้จัดเลือกและนำมาใช้


สรุปความสัมพันธ์ของการรับรู้ การเรียนรู้ และการสื่อความหมาย
                จากที่กล่าวมาข้างต้นที่ว่า การเรียนรู้คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวรอันเป็นผลเนื่องมาจากประสบการณ์หรือการปฏิบัติที่กระทำซ้ำๆ บ่อยๆ ซึ่งการที่มนุษย์จะเกิดการเรียนรู้ได้ก็ต้องมีการรับรู้ก่อนซึ่งเราสามารถรับรู้ได้ทางประสาทสัมผัสทั้ง 5 เมื่อเราเกิดกระบวนการทั้งสองอย่างนี้แล้วก็จะทำให้สามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถ เนื้อหา สาระ ความรู้สึก นึกคิด ทัศนคติ ค่านิยม ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์จากบุคคลฝ่ายหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น